พริกไทย เป็นไม้เถาเลื้อยยืนต้น ถ้าดูจากวงศ์แล้ว จะอยู่ในตระกูลเดียวกับพวกดีปลี พลู ชะพลู ที่มีลักษณะเป็นไม้เลื้อยเหมือนกัน ลำต้นสามารถเลื้อยได้ยาวประมาณ 5 เมตร จะมีข้อตามเถาและมองเห็นได้อย่างชัดเจน เถาของพริกไทยจะมีรากที่ใช้ยึดเกาะเพื่อใช้พันกับพืชชนิดอื่น เรียกว่าตีนตุ๊กแก ลักษณะคล้ายรากที่ออกจากข้อปล้อง ใบจะออกสลับกันซ้ายขวา ใบรีขนาดใหญ่ ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ตรงข้ามกับใบ ช่อดอก ประกอบด้วยดอกย่อยประมาณ 70-85 ดอก ช่อดอกอ่อนมีสีเหลืองอมเขียว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ปลายช่อจะเริ่มงุ้มลง เมื่อดอกโรยจะกลายเป็นผล มีลักษณะกลม ออกเป็นพวง มีเมล็ดอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก
เรื่องของพริกไทย
พริกไทยดำ กับพริกไทยขาว คงจะคิดว่าเป็นคนละชนิด หรือคนละสายพันธุ์กัน แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองคือพริกไทยที่เก็บจากต้นเดียวกัน แต่จะเก็บคนละช่วงเวลา และต่างกรรมวิธีการผลิต
- พริกไทยดำ : (Black Pepper) ได้จากการเก็บผลพริกไทยที่เป็นผลโตเต็มที่ แก่แต่ยังไม่สุก เมื่อเก็บแล้วนำไปทำให้แห้ง โดยการตากแดดประมาณ 5-6 วัน
- พริกไทยขาว : (White pepper) ได้จากพริกไทยที่แก่จัด หรือตอนที่ผลเริ่มสุกเป็นสีแดง เมื่อเก็บแล้วนำไปแช่น้ำที่ไหลผ่านเพื่อให้เปลือกหลุดออกไป แช่ประมาณ 7-14 วัน ใช้วิธีนี้จะได้พริกไทยที่ขาวกว่าการล้างในน้ำนิ่ง ๆ แล้วใช้มือกวนจากนั้นนำพริกไทยมารวดเพื่อลอกเปลือกที่เหลืออยู่ออกให้หมด แล้วนำไปตากแดดทันที ตากแดดประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะแห้งสนิท
โดยทั่วไปแล้วพริกไทยขาว จะมีราคาแพงกว่าพริกไทยดำ เนื่องจากมีขั้นตอนในการผลิต และค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผลิตพริกไทยดำ แต่ในแง่สรรพคุณทางยาสมุนไพร พริกไทยดำจะมีตัวยามากกว่าพริกไทยขาว เพราะส่วนเปลือกที่ยังติดอยู่จะมีตัวยาต่าง ๆ สะสมอยู่มากกว่า แต่พริกไทขาวนั้นจะนิยมทำพริกไทยบ่นซึ่งนำเม็ดพริกไทขาวมาปั่นด้วยเครื่องปั่นให้ละเอียด
สมุนไพรขับเลือดลมจากดอกพริกไทย
เคยได้ยินชื่อพริกขี้นกกันหรือเปล่า ตามต่างจังหวัดมักจะเรียกชื่อพริกไทยกันด้วยชื่อนี้ เม็ดเล็ก ๆ สีขาว สีดำ คล้ายกับขี้นกไม่ผิดเพี้ยน แต่ประโยชน์และสรรพคุณของพริกไทยมีมากมายมหาศาล แพทย์แผนไทยจัดไว้เป็นขับเลือดลมมีสรรพคุณอันดับต้น ๆ ของทำเนียบยา
พริกไทย มีรสชาติเผ็ดร้อนที่เป็นเอกลักษณ์ พริกไทยป่นฉุนแค่ไหนทุกคนคงจะรู้พิษสงกันดี สาเหตุที่พริกไทยเผ็ดร้อน และมีกลิ่นฉุนเพราะมีสารที่ชื่อว่า “Piperine” และ “Piperanine” เป็นองค์ประกอบสำคัญ สารชนิดนี้ทำให้พริกไทย และดอกพริกไทยมีสรรพคุณในการขับลมในกระเพาะและลำไส้ ช่วยขับเหงื่อและทำให้เลือดลมเดินสะดวก
ดอกพริกไทยจะออกเป็นช่อขนาดใหญ่ ใช้ดอกพริกไทยสดประมาณ 1 ช่อ ต้มกับน้ำดื่มเป็นชาสมุนไพรขับลมในร่างกาย หรือนำดอกพริกไทยสดไปตากแดดอ่อน ๆ ให้แห้งสนิทก่อนเพื่อเก็บไว้ใช้ได้นานขึ้น เมื่อแห้งแล้วจะเก็บไว้เป็นดอกแห้ง หรือจะบดให้เป็นผงก็ได้
เรื่องราวทางสมุนไพร
เปลือกของพริกไทยมีน้ำย่อยสำหรับย่อยไขมัน จึงมักจะใช้พริกไทยเป็นอาหารเสริมสำหรับลดความอ้วน ปัจจุบันนิยมทำเป็นแคปซูลจำหน่าย แต่สรรพคุณในด้านนี้หมอสมุนไพรใช้ประโยชน์มาแต่โบราณแล้ว กินพริกไทยป่นเพื่อให้ขับเหงื่อ และละลายไขมันโดยเฉพาะพริกไทยดำจะมีรสเผ็ดอุ่น ช่วยขับลม ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เลาที่ทานผงพริกไทยจะรู้สึกว่าตัวร้อนขึ้น และเหมือนมีก้อนความร้อนอยู่ภายในท้องไม่ต้องตกใจว่าเกิดอาการแพ้ เพราะพริกไทยกำลังออกฤทธิ์ เพียงแต่อย่าให้ผงพริกไทยโดนตามเนื้อตัวเท่านั้น เพราะจะทำให้แสบร้อนตามผิวหนัง
นอกจากนั้นพริกไทยยังช่วยให้เจริญอาหารกินอาหารได้เพิ่มมากขึ้น เพราะช่วยไล่ลมออกจากกระเพาะและลำไส้ ที่สำคัญพริกไทยมีสารที่กระตุ้นปุ่มรับรสที่ลิ้นเป็นส่วนประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้รู้สึกว่ารสชาติอาหารดีขึ้น และทำให้กระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยได้มากกว่าปรกติ ช่วยให้การย่อยอาหารเป็นไปอย่างราบรื่น
ชื่อ : พริกไทย (Black Pepper, White Pepper)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Piper nigrum Linn.
วงศ์ : PIPERACEAE
0 Comment